การเลี้ยงปลาไหล


การเพาะเลี้ยงปลาไหลนา
(Culturing and Breeding of Swamp Eel)     
ปลาไหลนา หรือปลาไหลบึง จัดเป็นปลาอยู่ในวงศ์ Synbranchiformes  ครอบครัว Synbranchidae
ซึ่งปลาในครอบครัวนี้ มีอยู่ 3 ชนิด คือ


1. ปลาไหลนา  Monopterus albus, Zuiew (1973)
ชื่อสามัญ Swamp Eel, Asian Swamp Eel  ลำตัวด้านหลังมีสีน้ำตาล ท้องมีสีเหลืองทอง มีขนาดยาวที่สุดถึง 1.01 เมตร  พบทั่วทุกภาคของประเทศ
มีกระดูกเหงือก 3 คู่

2. ปลาหลาด Ophisternon bengalense,  Mcclelland (1845) มีชื่อสามัญ Bengal Eel ลำตัวมีขนาดเล็กยาวประมาณ 30 เซนติเมตรลำตัวมีสีเหลือง หางจะเป็นรูปใบพาย พบทางภาคกลางของประเทศ และอ่าวเบงกอลมีกระดูกเหงือก 4 คู่

3. ปลาหล่อย Macrotema caligans, Cantor (1849)
 ลำตัวมีสีเหลือง ขนาดเล็กที่สุดยาวประมาณ 17 - 20 เซนติเมตร หางเป็นรูปใบพายพบทางภาคใต้บริเวณทะเลสาปลำปำ จังหวัดพัทลุง กระดูกเหงือกมี 4 คู่

 ลักษณะทั่วไป
ปลาไหลนาสามารถเจริญเติบโตได้ดีใน แหล่งน้ำทั่วไป สามารถทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และสามารถใช้ลำไส้ส่วนท้าย (hindgut) เป็นเครื่องช่วยในการหายใจ ฤดูแล้งจะขุดรูอยู่อาศัยลึก 1 - 1.5 เมตร ออกหากินในเวลากลางคืน เป็นปลาที่สามารถ เปลี่ยนเพศได้ (hermphrodite) โดยช่วงแรกจะเป็นเพศเมีย และจะกลายเป็นเพศผู้เมื่อโตขึ้น ด้านน้ำหนักเพศเมียจะมีน้ำหนักตั้งแต่ 100 -  300 กรัม เพศผู้มีน้ำหนักมากกว่า 400 กรัม จัดเป็นพวกปลากินเนื้อ (carnivorous) กินอาหารที่มีสภาพสดจนถึงเน่าเปื่อย ตัวหนอน ตัวอ่อนแมลง หอย ไส้เดือน และสัตว์หน้าดินต่าง ๆ (benthos)มีนิสัยรวมกลุ่มกันกินอาหาร

การเพาะพันธุ์
1. การแยกเพศ สามารถแยกได้ดังนี้
เพศผู้   ความยาวมากกว่า60 เซนติเมตร น้ำหนักมากกว่า 400 กรัม ท้องไม่อูม ตัวยาวเรียว ช่องเพศสีขาวซีดไม่บวม  ลำตัวสีเหลืองคล้ำ

เพศเมีย  ความยาว 29 - 50 เซนติเมตร น้ำหนัก ต่ำกว่า  300 กรัม ท้องอูมเป่ง ตัวอ้วน ท้องป่อง ช่องเพศ สีแดงเรื่อบวม (ช่วงผสมพันธุ์) ลำตัวสีเหลืองเปล่งปลั่ง

2. ฤดูวางไข่ สามารถเพาะพันธุ์ได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน และมีความสมบูรณ์สูงสุดในเดือนสิงหาคม ปริมาณความดกของไข่ปลาไหลขึ้นอยู่กับขนาดน้ำหนักและความยาว คือ

ความยาว                                ปริมาณไข่
20 - 30 เซนติเมตร              300 - 400 ฟอง
40 - 50 เซนติเมตร              400 - 500 ฟอง
มากกว่า 50 เซนติเมตร             1,000   ฟอง

3. การพัฒนาของไข่ 
ปลาไหลนาจะมีไข่เพียง 1 ฝัก ไข่ปลาไหลนาเป็นลักษณะไข่จมไม่ติดวัสดุ
เมื่อสัมผัส จะมีความยืดหยุ่นมาก มีลักษณะสีเหลืองสดใส  ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.3 เซนติเมตร ไข่ได้รับการผสมมีลักษณะกลม สีเหลืองทอง ส่วนไข่ที่ไม่ได้รับ การผสมจะมีสีขาวใส ไข่จะใช้เวลาในการฟักประมาณ 3 วัน  ลูกปลาเมื่อฟักออกใหม่ ๆ มีความยาว 2.5 เซนติเมตรมีถุงไข่แดง 2 ใน 3 ส่วน และมีครีบหู อายุ 5 - 6 วัน  ถุงไข่แดงยุบพร้อมครีบหูหายไป และเริ่มกินอาหารได้อัตราการฟัก 70 - 80 เปอร์เซ็นต์


4. นิสัยการกินอาหาร 
    ปลาไหลนาขนาด 2.5 - 3.0 เซนติเมตร กินสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ คือ ไรแดง วันละ 2 ครั้ง  ขนาดความยาว 5 เซนติเมตร เริ่มฝึกให้กินอาหารผงสำเร็จรูปร่วมกับหนอนแดงจนอายุได้ 6 สัปดาห์ ปลาจะมีขนาด 8 - 10 เซนติเมตร เริ่มให้ปลาสดบดวันละ 2 ครั้ง  และสามารถนำไปเลี้ยงเป็นปลาใหญ่ต่อไป

5. การเพาะขยายพันธุ์ โดยปกติสามารถทำได้โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติ
    การเพาะพันธุ์โดยวิธีเลียนแบบธรรมชาติควรทำ ในบ่อซีเมนต์ขนาด 5 x 10 x 1 เมตรใส่ดินเหนียวหนา 30 เซนติเมตร ให้ดินสูงด้านใดด้านหนึ่งใส่พ่อแม่ตารางเมตรละ 4 ตัว  ใส่น้ำสูงประมาณ 40 เซนติเมตร ปลูกพรรณไม้น้ำเพื่อให้คล้ายกับธรรมชาติมากที่สุด ให้ปลาสดสับผสมน้ำมันตับปลากินวันละ 1 มื้อ ๆ ละ 3 เปอร์เซ็นต์ต่อน้ำหนักตัว ให้กินตอนเย็น ถ่ายเทน้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง  ปลาจะต้องใช้เวลาปรับตัว 2 - 4 เดือนเมื่อปลาเพศผู้พร้อม จะสร้างหวอดไข่สีขาวมีช่องว่างอยู่ตรงกลาง คล้ายกับขนมโดนัท ปลาจะเริ่มผสมพันธุ์วางไข่ในตอนใกล้รุ่ง หลังจากก่อหวอด 7 - 10 วัน  ก็รวบรวมลูกพันธุ์ขึ้นมาอนุบาลต่อไป  ส่วนการเพาะพันธุ์โดยวิธีฉีดฮอร์โมนผสมเทียม ได้มีผู้ทำการทดลองฉีดฮอร์โมน Suprefect + Motilium ในระดับต่าง ๆ กัน ปรากฎว่าปลาไม่มีการวางไข่แต่อย่างใด

6. การอนุบาลลูกปลาวัยอ่อน แบ่งได้เป็น 2 ระยะ
    6.1 อนุบาลลูกปลาวัยอ่อน ขนาด 5 เซนติเมตร ทำได้คือ  นำลูกปลาวัยอ่อนอายุ 7 - 10 วัน  ที่ฟักออกเป็นตัวไปอนุบาลในกะละมังพลาสติกกลมปล่อยอัตราความหนาแน่น 350 ตัว/ตารางเมตร  ใส่น้ำลึก 15 เซนติเมตร ใส่ต้นผักตบชวาหรือจอกเพื่อให้ลูกปลาเกาะ ควรมีการถ่ายเทน้ำ 2 - 3 วัน/ครั้ง  อาหารใช้ไรแดงให้กินวันละ 2 ครั้ง  เช้าและเย็นพร้อมฝึกให้กินอาหารสมทบ  โดยฝึกให้กินอาหารผงสำเร็จรูป (Powder feed) โดยปั้นเป็นก้อน ๆ ใช้ระยะเวลา 2 สัปดาห์ ควรมีการคัดขนาดเพื่อช่วยลดการกินกันเอง

6.2 การอนุบาลลูกปลาไหลนา จากขนาด 5 ซ.ม. - 10 ซ.ม.
     เมื่ออนุบาลปลาจนได้ขนาด 5 เซนติเมตร ปลาจะมีขนาดปากที่กว้างขึ้นลดไรแดง และให้อาหารสมทบวันละ 2 มื้อเช้า-เย็น โดยปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ ปรับปริมาณอาหารที่ให้ทุกสัปดาห์ เพื่อให้เพียงพอกับ จำนวนลูกปลา นอกจากนี้อาจผสมน้ำมันปลาหมึกเพื่อช่วยดึงดูดลูกปลาให้กินอาหารได้ดีขึ้นและควรมีวัตถุที่หลบซ่อน โดยใช้ท่อพีวีซีหรือท่อพลาสติก โดยตัดเป็นท่อนยาวประมาณ 20 เซนติเมตร บ่อละ 3 - 5 ท่อน เนื่องจาก ลูกปลาค่อนข้างตกใจง่าย  เมื่อมีเสียงดัง ๆ หลังจากเลี้ยงลูกปลาไหลประมาณ 6 สัปดาห์ ก็จะได้ปลาขนาด 10 เซนติเมตร มีน้ำหนักประมาณ 1 - 2 กรัม สามารถแยกลงบ่อเลี้ยงต่อไป

7. การเลี้ยงปลาขนาดตลาด
    การเลี้ยงปลาไหลนาให้ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการนั้น สามารถเลี้ยงได้ในบ่อซีเมนต์  และท่อซีเมนต์กลมโดยมีวิธีการ คือ

1. แบบเลียนแบบธรรมชาติ โดย
1.1 ใส่ฟางข้าวหนาประมาณ 30 เซนติเมตร
1.2 ดินทับหนา 10 เซนติเมตร
1.3 น้ำสูงกว่าผิวดิน 10 เซนติเมตร

หมักฟางข้าวไว้ 1 - 2 สัปดาห์ หากมีการเน่าควรมีการถ่ายน้ำทิ้งบ้างแล้ว  เติมน้ำใหม่ลงไป เพื่อให้เกิดไรแดง หนอนแดง แล้วจึงนำปลาขนาดน้ำหนักตัวประมาณ 30 - 40 ตัว/กิโลกรัม ลงปล่อยในอัตราความหนาแน่น 30 - 40 ตัว/ตารางเมตร หากเป็นท่อซีเมนต์กลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.0 เมตร ใส่ประมาณ 100 ตัว โดยคัดขนาดปลาขนาดเท่า ๆ กันก่อน

1.4 เติมฟางข้าวทุกเดือน ๆ ละ 1 ครั้ง
1.5 ให้อาหารสมทบวันละ 2 - 3 เปอร์เซ็นต์ ปั้นเป็นก้อนวันละมื้อในช่วงเย็นเลี้ยงประมาณ 6 – 8 เดือน จะได้น้ำหนักปลาขนาดตัวละ 200 กรัม ให้ผลผลิต 20 - 30 กิโลกรัม/ตารางเมตร อัตราการรอดตาย 70-80 เปอร์เซ็นต์ อัตราการแลกเนื้อ (FCR) เท่ากับ 1:4.5

2. แบบพัฒนา(Intensive) โดยสามารถเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ ขนาดตั้งแต่ 10–50  ตารางเมตร โดยปล่อยลูกปลาไหลขนาด 10 กรัม ในอัตราส่วน 150 – 200 ตัว/ตารางเมตร  มีการถ่ายเทน้ำได้สะดวก มีการให้ออกซิเจนตลอดเวลา รวมทั้งจัดที่หลบซ่อนให้ปลาไหล ส่วนอาหารใช้ปลาเป็ดสดหรือปลาข้างเหลืองผ่าแยกออกเป็นสองซีกคลุกเคล้ากับน้ำมันปลาหมึก วางให้ลูกปลาไหลกินเป็นจุด ๆ โดยใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 6 – 7 เดือน
Share this video :

บทความที่ได้รับความนิยม

 
Support : |
Copyright © 2011-2012 อาชีพพารวย - All Rights Reserved
เข้าสู่ปีที่ 2 อาชีพพารวย เพื่อนคู่คิดนักเกษตร พ.ศ. 2555
เว็บไซต์เพื่อนเกษตร